Opera และนิยามความหมาย

คำว่า “โอเปร่า”(OPERA)
เมื่อถูกเอ่ยถึง มักจะทำให้คน(ไทย) ต่างนึกถึงเสียงร้องสูงๆโหยหวน กับเสียงร้องต่ำๆ ที่ดังกังวาลทรงพลัง โดยที่ในความเป็นจริงแล้ว “โอเปร่า” หรือ “อุปรากรสากล” นั้นคือละครร้องที่เล่นประกอบกับวง orchestra ขนาดต่างๆ ตามแต่ความหนักเบาของอุปรากรที่ถูกแสดง

โดยในปัจจุบันนี้ โอเปร่าจะถูกแบ่งเป็นยุคๆไป เช่น โอเปร่าบางๆแบบยุค baroque (เช่น โอเปร่าของ Alessandro Scarlatti หรือ George Frideric Handel) และถัดมาอีกนิดคือยุคของเจ้าพ่อแห่งโอเปร่ายุค classical คือ W.A.Mozart(แต่งทั้งอิตาเลี่ยนและเยอรมันโอเปร่า) และ Gioachino Rossini จนมาถึงยุคที่โอเปร่าได้พัฒนาไปอย่างมากคือยุค romantic และ ยุคlate-romantic ของ (เฉพาะ) อิตา-เลี่ยนโอเปร่า จะใช้ศัพท์เฉพาะว่า Verismo (ซึ่งหมายถึงโอเปร่าเนื้อหาหนักที่เกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ที่ไม่ใช่แนวแฟนตาซี) โดย ผู้ที่เป็นราชาโอเปร่า ทั้งหลายในยุคโรแมนติคนี้ เช่น คุณ Giacomo Puccini(เช่นโอเปร่า”Tosca”), Giuseppe Verdi(เช่นLa Traviata),Richard Wagner (เยอรมันโอเปร่า), Richard Strauss(เยอรมันโอเปร่า ) และ รวมถึง Sir Arthur Sullivan ได้ถูกกล่าวขานถึงในฐานะคีตกวีละครโอเปร่าขบขัน (operetta) ที่ประสบความสำเร็จมากในยุคคลาสสิคกับ Sir William Gilbert ซึ่งเป็น lyricist เพื่อนรักของเขา

ในเมื่อตัวโอเปร่าเองยังถูกพัฒนามาเป็นยุคๆ ฉะนั้น วิชาเทคนิคการขับร้อง ซึ่งก็พัฒนามาจากการเล่นการร้องโอเปร่าก็ถูกพัฒนามาเฉกเช่นเดียวกัน จากเทคนิคการร้องที่เอาไว้ใช้เพียงขับร้องโอเปร่าเบาๆแบบ Cosi fan tutte และ Nozze di Figaro นักร้องโอเปร่าในยุคหลังก็จำเป็นที่จะต้องถูกฝึกให้เสียงร้องเปิดมากขึ้นด้วยครูสอนขับร้องที่”ต้อง”เชื่อใน Romantic – Verismo Singing Technique ซึ่งจำเป็นต้องนำเสียงร้องที่ถูกฝึกอย่างหนักหน่วงนี้ ไปไว้ใช้ในโอเปร่าแบบ Tosca หรือที่หนักกว่า เป็นต้น

เหตุที่กล่าวข้างต้น เป็นตัวบ่งบอกได้ว่า คนที่จะเป็นครูสอนขับร้องนั้น ต้องรู้พัฒนาการของเทคนิคการขับร้อง และการแสดง อย่างละเอียด ต้องมีประสบการณ์ขับร้องและ แสดงโอเปร่า ในต่างประเทศ ยิ่งมีประสบการณ์มากยิ่งสามารถประยุกต์เทคนิคการร้องให้กับนักเรียนได้มากขึ้น ครูสอนร้องเพลง(ในยุคนี้)ที่ดี ควรที่จะต้องปูพื้นฐานการขับร้องจาก ITALIAN ARIAS ให้นักเรียนให้เร็วที่สุดเก็บรายละเอียดจาก ornaments (สีสันของส่วนดนตรี)ต่างๆในเพลงที่ร้อง ก่อนที่จะถูกคุณครูนำเข้าไปสู่การร้องโอเปร่าเบื้องต้นแบบอุปรากรของท่าน โมซาร์ท

แต่มักมีปัญหาตามมาว่า คุณครูสอนร้องเพลงในเมืองไทย ยังมีความเข้าใจไม่เพียงพอกับการฝึกผู้เรียนให้ขับร้องอุปรากร เสียงร้องในยุคสมัยนี้นั้น จำเป็นต้องถูกฝึกให้ยืดและกว้างที่สุด เพื่อรับ repertoire (ขอบเขตของเพลงร้อง) ให้ได้มากที่สุด พูดง่ายๆคือ Soprano อายุยี่สิบกว่าๆในสมัยนี้ก็สมควรต้องถูกฝึกให้ร้องบท Violetta ใน La Taviata ให้ได้และต้องร้องให้ได้ดีด้วย ไม่ใช่วนเวียนเสียงร้องอยู่แต่กับเพลงศิลป์ Lieder ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรมากมายเกี่ยวกับเทคนิค

และ การฝึกนั้นควรเน้นการแสดงออกให้มากที่สุด การใช้ recitative (บทพูดกึ่งร้องประกอบดนตรี)นำเข้าไปในเพลง (Aria) การฝึกเล่นเป็น scene ต่างๆ จวบจนถึงการปรับเทคนิคการหายใจที่เหมาะกับการขับร้องโอเปร่าที่ยากขึ้น เช่นใช้เทคนิค appoggio technique การที่ใช้เทคนิค”พื้นฐานโดยรวม” มาฝึกนักเรียนให้ร้องเพลงและเรียกว่า “โอเปร่า” เป็นสิ่งที่น่าอันตรายที่สุด ฉะนั้น การเลือกครูสอนจึงควรดูที่ประสบการณ์การแสดงในต่างประเทศ เพราะประสบการณ์การสอนที่อ้างว่าเป็นสิบๆปีแค่ในเมืองไทย ไม่สามารถช่วยให้เราตัดสินอะไรได้

อาจารย์เนติ กันตถาวร
อาจารย์สอนวิชาเอกขับร้องสากล
สาขาดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
สาขาธุรกิจการดนตรี มหาวิทยาลัยนานาชาติ อัสสัมชัญ
ภาควิชาการแสดงดนตรี วิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต